ความจริงที่เราหนีไม่พ้น กำลังคืบใกล้เข้ามาทุกทีๆ คิดกันให้ดี ถึง

คำทำนายวันสิ้นโลกอธรรม - ภัยพิบัติล้างโลก - โลกาวินาศ พ.ศ. 2556
(Civilization’s end หรือ Apocalypse หรือ End Time 21 ธค. 2012-2013

พระจักรพรรดิรู้วิธีหยุดโลกาวินาศได้ แต่ผู้คนต้องหาความจริงใน
พระจักรพรรดิ (พระศรีอารย์) ที่มีองค์จริงขณะนี้ หาข้อเท็จจริงได้ตามหลักฐาน

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสกาลามสูตร มีพระสงฆ์ไม่น้อยทำลายพระพุทธศาสนาเพราะขาดกาลามสูตร สอนผู้คนผิดๆ


วัตถุประสงค์ของหนังสือนี้ ไม่ต้องการให้ท่านใดเชื่อ แต่เพื่อหาทางให้ผู้คนทั้งหลาย ได้พิสูจนฺข้อเท็จจริงของพระจักรพรรดิหรือพระศรีอารย์ที่์มีองค์จริงในขณะนี้ เพื่อพระจักรพรรดิจะสามารถแสดงพระองค์เพื่อหาทางหยุดภัยพิบัติโลกและวิกฤติของชาติต่างๆ และนำผู้คนเข้าสู่ยุคทองที่มีสันติสุขที่แท้จริงตลอดไป เรื่องพระจักรพรรดินี้พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ดีแล้ว และมีอยู่ในศาสนาที่สำคัญๆของโลก ในคำทำนายโบราณที่ได้ทำนายไว้ในทำนองเดียวกัน มีบางท่านกล่าว่าทำไมพระจักรพรรดิถึงต้องรอพิสูจน์ความจริงก่อน ไม่แสดงพระองค์เลย เรื่องนี้อยากให้ท่านได้คิดว่าในปัจจุบันมีผู้อ้างตนเป็นพระจักรพรรดินับร้อยอยู่ทั่วโลก แล้วท่านจะทราบอย่างไรว่าใครเป็นพระจักรพรรดิองค์จริง ตามคำทำนายพระองค์จริงจะแสดงความรู้ที่ยังไม่มีใครทราบ ไม่ใช่มาแสดงอภินิหาริย์ แต่ถ้ามีใครสามารถใช้อภินิหาริย์ให้เกิดสันติสุขโลกที่แท้จริงได้ คนทั้งหลายก็ควรยอมรับได้ไม่ใช่หรือ

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ว่า "ตถาคตสงสารสัตว์ เวลาพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของตถาคตนี้ ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา" (พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าคนนั้นมีความประมาทมีบาปเป็นของตน ขาดบุญกุศล จึงไม่บอกเล่าสิ่งดีงามกันต่อๆไป หรือพยายามขัดขวางการหาข้อเท็จจริง ย่อมนับว่าเป็นกรรมของสัตว์เหล่านั้นเอง)

ด้วยความตั้งใจยิ่ง ที่จะช่วยประเทศชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยใจสัตย์จริง และด้วยบารมีของพระจักรพรรดิ ทำให้้ได้เห็นพระไตรปิฎก ๓/๒๐ ที่สำคัญ ว่าด้วยการมาปรากฏของพระศรีอารย์ในปัจจุบันเพิ่มเติม ในสันติสุข-3 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าโคตมตรัสอย่างไรเกี่ยวกับพระมหาเถระโพธิสัตว์ หรือ พระมหาโพธิสัตว์ (คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร. 9) และ พระธรรมมิกราช (พระจักรพรรดิ) สำหรับพระจักรพรรดิ ที่จะปรากฏในเวลาปัจจุบันนี้ พระพุทธเจ้าโคตมทรงตรัสอย่างไร มีหลักฐานอะไรสนับสนุน ได้รวบรวมไว้อยู่ในเวปของ metteya.org และขออนุโมทนาต่อท่านทั้งหลายที่เห็นกุึศลธรรมเป็นที่พึ่งและนำความรู้อันควรศึกษามาเผยแผ่
---------------------------------------------------------------------------------------

พระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ นี้มีข้อมูลไม่น้อย ที่ตรงกับพุทธทำนายบนศิลาในเขตมหาวิหารสวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย และตรงกับข้อมูลอื่นๆ ที่ได้นำไปลงไว้แล้วในเวบ metteya.org (ไม่รวมข้อมูลจากศาสนาอื่นๆ) จึงได้นำข้อมูลที่เพิ่มมาใหม่นี้ มาเผยแพร่ต่อให้สาธุชนได้ทราบ เราจักได้พยายามช่วยกันเปิดเผยความเป็นจริงในเรื่องพระจักรพรรดิว่า ที่แท้จริงแล้วพระจักรพรรดิมาปรากฏในปัจจุบัน ไม่ใช่ พ.ศ. 5000 ตามที่เคยฟังตามกันมา หรือในเวลาอื่นโดยการกล่าวอ้างไม่มีหลักฐานที่เป็นเหตุผล ไม่มีมีที่มาที่ไปยืนยันข้อเท็จจริง 

คนไทยจะได้มีโอกาสพิสูจน์ความเป็นจริงเรื่องพระจักรพรรดิ และความเป็นจริงจะนำพระศรีอารย์ปรากฏองค์ เพื่อจะได้มาผู้คนทั้งหลาย ช่วยชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ และสร้างสันติสุขที่แท้จริงขึ้นบนโลก ในเวลาปัจจุบันนี้

สำหรับเรื่องราวที่ metteya.org นำมาลงต่อจากนี้ ขอได้โปรดพิจารณาศึกษาด้วยเหตุผล ดูว่าคำทำนายต่างๆ มีอะไรเกิดขึ้นเป็นจริงแล้วบ้าง ไม่ควรเพิกเฉยจะเสียโอกาสอันดีงามได้ แต่ยังไม่ควรสรุปว่าจริงหรือไม่จริง เพราะยังไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงขึ้น

ขออนุโมทนาผู้เป็นเจ้าของข้อมูลพระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ ไว้ ณ ที่นี้
ที่มา พลน้อย สมาชิกเวบพลังจิต

พระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ คือพระจักรพรรดิกึ่งพระศาสนานี้ มาจากใบลานเก่าที่วัดแถวบ้าน ใบลานนี้เก่ามากตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ขอยืมพระท่านที่วัดมา scan และส่งคืนวัดไปแล้ว รับรองว่าเป็นของจริงแน่นอน ยังมีต้นฉบับที่ scan อยู่ครับและเท่าที่ทราบ

ยุคศรีวิไล อันใกล้นี้ -เป็นยุคที่พระศรีอารย์ จะปกครองโลกนี้ทั้งหมด (ตรงตามพระพุทธทำนาย และพระสูตรอื่นๆ และที่ทุกๆศาสนาบ่งไว้) ยุคกาขาว - จะหมดในปี 2555 นี้ ดู link ด้านล่างนี้นะครับ

พระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ คือพระจักรพรรดิกึ่งพระศาสนานี้

http://board.palungjit.com/f13/%E0%B...89-194845.html
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พลน้อย : 30-03-2010 เมื่อ 10:16 AM
---------------------------------------------------------------------------------------
ของเดิม  01-07-2009, 05:48 PM       ที่มา พลน้อย สมาชิกพลังจิต
http://board.palungjit.com/f13/%E0%B...89-194845.html

พระไตรปิฏกกัณฐ์ที่ ๓/๒๐ พระศรีอารย์ คือพระจักรพรรดิกึ่งพระศาสนานี้

    อยู่บนใบลาน : พระศรีอารย์เทศนา ๒๐กัณฐ์

    โดย :อจ.ธวัช เฟื่องประภัสสร์ ปธ.๙ สำนักวัดเบญจมบพิตร

    ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา : นายรวล รุ่งเรืองธรรม พ.ศ.๒๔๙๘ (สงวนลิขสิทธิ์)     สำนัก พิมพ์ โรงพิมพ์อักษรเจริญทัศน์
    ๑๙๕ เสาชิงช้า ถ.บำรุงเมือง พระนคร กรุงเทพฯ

    พระศรีอารย์ กัณฐ์ที่๓
    มิตตกถา การคบเพื่อน

        สตฺ โถ ปสวโต มิตฺตํ มาตา มิตฺตํ สเก ฆเร
    สหาโย อตฺถชาตสฺส โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ
    สยํ กตานิ ปุญฺญานิ ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกนฺติ

    บัดนี้ จะแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องพระศรีอารย์ ต่อจากกัณฐ์ก่อน เพื่อเป็นเครื่องเจริญศรัทธาประดับปัญญาแห่งท่านทั้งหลาย ก็การที่ท่านมาประชุมกันฟังธรรมในวันนี้ ก็ได้ชื่อว่าได้กระทำคุณงามความดีหรือที่เรียกว่าบุญกุศล อันนับว่าเป็นเพื่อนที่ดี สามารถติดตามท่านไปในภพหน้า ...

  เมื่อชำระจิตของตนให้ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง เช่นนั้นแล้ว ย่อมมีจิตผ่องใสไม่ขุ่นมัว ดุจน้ำอันใสสะอาดปราศจากมลทินฉะนั้น เมื่อปฏิบัติและหยั่งทราบชัดลงเช่นนั้น จิตย่อมหลุดพ้นจากอาสวกิเลส เป็นสมุจเฉทประหาร บรรลุมรรคผลนิพพาน อันเป็นเอกันตบรมสุข โดยเหตุนี้ สีล สมาธิ ปัญญา จึงนับว่าเป็นข้อปฏิบัติส่วนปรมัตถปฏิปทา ด้วยประการฉะนี้.

    บัดนี้จะ ได้แสดงเรื่องพระศรีอารย์สืบต่อไป ดำเนินความว่า เมื่อมหายักษ์ได้สมาทานศีลอยู่ตราบเท่าอายุขัยแล้วก็กระทำกาลกิริยา ตายไปบังเกิดเป็นบุรุษคนหนึ่ง มีกำลังร่างกายแข็งแรง อาศัยอยู่ ณ เชิงเขาแห่งหนึ่ง หาเลี้ยงชีพด้วยการปลูกผักพืชพรรณต่างๆ เขาที่บุรุษอาศัยอยู่นั้นก็เป็นเขาลูกเดียวกันกับเขาที่สมเด็จพระพุทธองค์ เคยเสด็จไปสรงน้ำ และได้ทรงตากผ้าชุบสรงไว้ และได้มีฝูงลิงพากันมาถ่ายมูตรคูถ ทำให้เปรอะเปื้อนนั่นเอง .....

    อเถก ทิวสํ อยู่มากาละวันหนึ่ง บุรุษอริยเมตไตรยนั้นได้ออกมาตรวจตราดูไร่แตงโมของตนซึ่งกำลังมีผลดกอยู่ เต็มไร่ ขณะที่ออกมายืนดูอยู่นั้นก็ได้เห็นฝูงลิงพากันมาลักแตงโมกินเป็นอาหาร บุรุษหนุ่มจึงวิ่งไล่กวดฝูงลิงเพื่อให้หนีไป

    บังเอิญ วันนั้น สมเด็จพระบรมศาสดามาถึงไร่แตงโมของบุรุษอริยเมตไตรย ประทับยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง บุรุษหนุ่มได้วิ่งไล่ลิงไปถึงสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับยืนอยู่นั้น และได้เหยียบเอาพระฉายา เงาขององค์พระบรมศาสดาโดยมิทันได้สังเกต

    ครั้นบุรุษหนุ่มเหลียวไป เห็นพระพุทธองค์ก็เกิดมีความเลื่อมใสเป็นกำลัง ตรงเข้าไปถวายอภิวาทแล้วจึงนำแตงโมจากไร่ของตน ๗ ผลด้วยกัน น้อมนำเข้าไปถวายพระองค์ แต่ว่าแตงโมผลหนึ่งนั้นไม่บริสุทธิ์ เพราะมีรอยหนูเจาะกัดกินเสียก่อน .....

    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับผล แตงโมจากบุรุษหนุ่มอริยเมตไตรยแล้ว จึงได้ตรัสพยากรณ์ว่า ดูก่อนบุรุษ กุศลผลทานที่ท่านได้นำเอาแตงโม ๗ ผลมาถวายแก่ตถาคตนี้ (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงได้) จะเป็นปัจจัยให้ท่านได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชอันประเสริฐในระหว่าง กลางแห่งศาสนาของตถาคต และท่านจะได้ช่วยยกย่องศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไป ก็แต่ว่า ผลกรรมที่ท่านได้เหยียบเงาของตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมที่ท่านนำแตงโมไม่บริสุทธิ์ มีรอยหนูเจาะมาถวายตถาคตนั้นก็ดี ผลกรรมนั้นจะส่งให้ท่านบังเกิดเป็นมนุษย์มีรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัว ที่ศีรษะของท่านจะมีรอยแผลเป็น ดุจรอยหนูเจาะแตงโม ครั้นต่อมา ท่านจึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใส มีร่างกายงามผุดผ่องดุจสีทอง

    เมื่อพระ พุทธองค์ได้ตรัสพยากรณ์จบลงแล้ว ฝ่ายบุรุษหนุ่มศรีอริยเมตไตรยก็ได้สมาทานศีล อำนวนทานจนตราบเท่าอายุขัย ครั้นสิ้นชีพแล้วก็ได้ไปบังเกิดเป็นโอรสของพระราชา มีพระนามว่า “อชิต กุมาร” เมื่อเจริญวัยก็ได้เล่าเรียนศิลปวิทยา แล้วได้ออกบรรพชาในสำนักของพระพุทธเจ้า ได้เรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉานเชี่ยวชาญ และได้บำเพ็ญสมณธรรมอยู่จนตราบเท่าอายุขัย เมื่อแตกกายทำลายขันธ์แล้ว ได้จุติไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเทวพิภพ

    ใน คัมภีร์อนาคตวงศ์ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อใกล้ศาสนาของพระบรมศาสดาของเราจะเสื่อมโทรม พระศรีอารย์บรมโพธิสัตว์จะได้จุติจากสวรรค์ลงมาเสวยพระชาติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ ช่วยยกย่องพระศาสนาให้รุ่งเรืองสืบต่อไป (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงได้)

    ในพระ คัมภีร์ได้กล่าวต่อไปว่า ในกาลเมื่อพระศรีอารย์จะได้จุติจากสวรรค์ลงมาเกิดเป็นสมเด็จพระเจ้า จักรพรรดิราชนั้น ท้าวเธอจะมาประทับอยู่ในปราสาทราชวังอันใหญ่โต ณ ปราสาทที่ท้าวเธอประทับอยู่นั้น จะมีเทวดา๕หมื่นองค์มาคอยพิทักษ์รักษา นอกจากพวกเทวดาแล้ว ยังมียักษ์อีก๕หมื่นตน พร้อมทั้งพระยานาคและพระยาครุฑ รวมทั้งบริวารอีกมากมาย ต่างก็จะพากันมาเฝ้าปราสาท

    พระราชวัง ของพระศรีอารย์นั้น จะมีประตู๘๐ประตู แต่ละประตูจะมีฝูงเทพยดาและยักษ์คอยเฝ้าอยู่ทุกๆประตู ประชาชนที่จะผ่านเข้าประตูพระราชวังของท้าวเธอได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีลธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประพฤติแต่การสุจริต ส่วนผู้ที่ประพฤติทุจริตจะไม่สามารถผ่านเข้าไปภายในได้

ในบริเวณปราสาทนั้นเล่า ก็จะสว่างไสวไปด้วยดวงประทีป รุ่งเรืองด้วยแสงแก้ว ๙ ประการ (พระจักรพรรดิองค์จริงที่มีชีวิตอยู่ขณะนี้ อาจจะแสดงความจริงได้) กลางคืนกับกลางวันนั้นก็จะแลดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างกันแต่ว่าตอนกลางวันสว่างด้วยแสงอาทิตย์ ส่วนกลางคืนจะสว่างด้วยแสงจันทร์และแสงแก้วมณี เป็นที่น่าดูน่าชมยิ่งนัก .....

รอบปราสาทของพระองค์ จะมีต้นกัลปพฤกษ์ ๑,๖๐๐๐ ต้น อาณาเขตของปราสาทนั้นจะกว้างขวางหลายโยชน์ จะเป็นที่อยู่ของประชาชนพลเมือง ซึ่งล้วนแต่มีจิตใจเป็นกุศลทั้งหมด บ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นสุขด้วยประการฉะนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พลน้อย : 30-03-2010 เมื่อ 10:02 AM
---------------------------------------------------------------------------------------

โปรดค้นดูใน พระไตรปิฏก ๒๐ กัณฐ์  พระศรีอารย์

องค์พระเมตไตรย ต้องบุรพกรรม (โลกนี้ล้วนเป็นมายาสมมุติ อย่าได้ .....

กาลต่อมา ในชาติหนึ่งที่พระเมตไตรยมาเกิดเป็นมนุษย์ชาวไร่ กระทำไร่เลี้ยงชีวิตอยู่ริมภูเขา .....
ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมใน ไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ ..... พระสงฆ์ถึงแม้จะเรียนรู้จนจบพระ ไตรปิฎกสักร้อยครั้งพันครั้ง ...

http://sites.google.com/site/snimnon/w

องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม

ตามบุรพกรรมสัญญาที่มาระหว่างองค์พุทธที่ 4 และองค์พุทธที่ 5 ทำให้องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์ จะต้องมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาของพระพุทธโคดม จวบจนครบพุทธกาลดั่งนี้แล และในระหว่างกาลแห่งการรักษาศาสนจักร อาณาจักรแห่งองค์พุทธที่ 4 จะอยู่ในนามว่า "ภายใต้รังสีพระศรีอาริยเมตไตรย" เพราะอำนาจสิทธิแห่งวงศ์ศาสนจักรยังเป็นขององค์พุทธที่ 4 แต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น

อดีตกรรม

เอกัง สะมะยัง ในสมัยหนึ่งพระพุทธโคดมได้เสด็จเลียบมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ในแคว้นสุวัณณภูมิ ซึ่งไหลผ่าน ภูเขาตักกคีรี พระองค์ลงสรงน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เอาผ้าอาบตากไว้บนฝั่งแม่น้ำ จึงเสด็จขึ้นประทับอยู่บนภูเขาลูกนั้น มีลิงแม่ลูกอ่อนฝูงหนึ่งอุ้มลูกออกจากชายป่า พลันก็ถ่ายอุจจาระของมันลงบนผ้าอาบของพระองค์ ซ้ำเอาหว่านเล่นเสียเลอะเทอะ คงเหลืออยู่ชายเดียว ณ บัดนั้นก็ได้มีนกยางปอน (นกยางขาว) ตัวหนึ่งบินมาจับลงที่ศรีษะของแม่ลิงตัวหนึ่ง แล้วก็เหลียวหน้ามองไปโดยรอบทั่วทุกทิศ ในทันใดรัศมี ซึ่งเป็นสีต่าง ๆ ได้พุ่งปราดออกจากพระเขี้ยวทั้งสี่ของพระพุทธเจ้า พระอานนท์ผู้อุปัฏฐาก จึงทูลถามเหตุการณ์อันประหลาดนั้น พระองค์ทรงตรัสพยากรณ์ว่า:-

"ดู ก่อนอานนท์ ผ้าอาบของตถาคต ได้แก่ ศาสนาที่ตถาคตวางไว้ ลิงแม่ลูกอ่อนที่มาถ่ายมูลเลอะเทอะหมดถึง 3 ชายนั้น ได้แก่ กองทัพ ซึ่งจะมารบราฆ่าฟันกันตาย เหลือที่จะคณานับ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมทรุดไปถึง 3 ใน 4 ส่วน คงค้างอยู่แต่เพียงส่วนเดียวและนกยางขาวที่บินมาจับหัวแม่ลิงนั้น คือ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะมาปราบอธรรม และช่วยสืบอายุศาสนาของตถาคต เริ่มตั้งแต่ 2,500 ปีขึ้นไป จนครบ 5,000 ปี"

"พระศรีอาริยเมตไตรย โพธิสัตว์กับตถาคต ได้สร้างกรรมไว้ในอดีตชาติ" พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า

"อันชาติหนึ่งสองเราสหายสนิท
ช่วย กันคิดเอาบัวมาอธิษฐาน
เพื่อเสี่ยงทายบารมีพุทธกาล
ให้บัวบานบอกแจ้ง เป็นผู้ใด"

ในชาตินั้นเราทั้งสองจึงเอาดอกบัวมาคนละดอก เข้าไปอธิษฐานในพระวิหารว่า ถ้าใครจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อน ก็ขอให้ดอกบัวของผู้นั้นบานก่อน

ครั้นวันรุ่งขึ้นพระตถาคตได้เข้าไป ดูดอกบัวนั้น แต่ยังไม่ทันสว่างแจ้ง เห็นดอกบัวของพระศรีบานก่อน ด้วยความที่อยากเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระศรีฯ จึงลักเปลี่ยนดอกบัวของพระศรีมาไว้ที่พระตถาคต สับเปลี่ยนกันเสีย

"บัว ของน้องบานแล้วนะพี่จ๋า
สัมพุทธาน้องย่อมได้ไปก่อนแน่
แต่ไฉนบัวในมือ เดี๋ยวหุบเดี๋ยวก็แบ
พุทธยังไม่เที่ยงพุทธยังไม่แท้น่าอายจริง"

ฝ่าย พระศรีฯนั้นเขาฌานแก่ รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนบัว จึงทำนายว่า "โอ! สหายท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนเราจริง แต่ทว่าฝูงมนุษย์ยุุคนั้นจะเป็นคนขี้ลักขี้ล่าย และใช้เงินดำ เงินแดง เงินกระดาษกัน อย่างพร่ำเพรื่อ มนุษย์จะไม่ซื่อสัตว์ต่อกัน จะทุจริต คิดมิชอบนานาประการ พระสงฆ์องค์เณรพุทธบริษัทในศาสนานั้น จะหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวบวช เดี๋ยวสึก เดี๋ยวหุบ เดี๋ยวแบดังบัวดอกนี้"

เพราะกรรมที่พระพุทธโคดมได้สับเปลี่ยนบัว ถึงแม้ว่าพระองค์และเหล่าพระอรหันตสาวกจะเข้าพระนิพพานไปแล้วก็ตาม แต่กรรมนั้นยังติดอยู่ในศาสนาของพระองค์ ตราบเท่าทุกวันนี้ ที่เหลือไว้แต่สมมติสงฆ์ในศาสนาของพระองค์ จึงรู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ศาสนาสามส่วนก็ถูกพราหมณ์ ยักษ์ และมารเอาไปครอง เหลือจริงเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ข้อวัตรปฏิบัติจึงถูกปนเป็น จนแยกแยะไม่ออก ผู้คนเกิดมาสมัยหลัง จึงไม่เข้าใจทางปฏิบัติที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพานในฝ่ายสัมมาทิฏฐิแต่ส่วนเดียว นั้นคืออะไร

พระพุทธ โคดมทรงเล่าอดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า

"เมื่อ พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาในพุทธกาลของพระตถาคต นั้น จะมีสรรพวัตถุทั้งหลายบังเกิดขึ้นแก่โลก อย่างแปลกประหลาดเหลือจะคณานับ ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด ก็จะไม่ได้ปั่นและทอด้วยมือ เหมือนในศาสนาของตถาคต จะมีแต่ผ้าเนื้อบริสุทธิ์ ฝูงมนุษย์จะไม่ติเตียนว่า เป็นขี้หูขี้ตาเขาเท่าจะวัดวา (วัดหลาและเมตร) ก็จะมีในยามนั้น แม่หญิงจะนุ่งซิ่นเสื้อลายเหมือนหนังแย้ จะนุ่งเสื้อผ้าแขนกุดขาก้อม หญิงชายจะนุ่งผ้าเป็นอย่างเดียวกัน จะว่าชายก็บ่จริง จะว่าหญิงก็บ่แม่น แม่หญิงจะหวีผมปกหน้า จะใส่ต่างหูยาวง้ำหน้า พ่อชายจะใส่หมวกหุ้มหน้า สิ่งที่ไม่รู้จะได้รู้ สิ่งที่ไม่พบเห็นก็จะได้เห็น พร้อมด้วยบุรพนิมิตอันชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดขึ้นแก่โลกมากมายยิ่งนักดังนี้ (ตรงกับศาสนาอื่นๆ คือวันพิพากษามนุษยโลก คนเลวคนชั่วจะเปิดเผยตนเอง)

1. ราชภัย ท้าวพระยาจะบังคับเบียดเบียนพลเมือง
2. โจรภัย จะบังเกิดโจรผู้ร้ายปล้นสะดมทั่วไป
3. อัคคีภัย ไฟจะไหม้บ้านเมืองไม่ขาดสาย
4. อสุนีบาต ฟ้าจะผ่าสัตว์และคนล้มตายบ่อย ๆ
5. เมทนีภัย แผ่นดินจะไหวสะท้านและแยกออกจากกัน
6. วาตภัย จะเกิดลมพายุพัดพาบ้านเมืองพินาศ
7. อุทกภัย น้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา
8. ทุพภิกขภัย จะเกิดข้าวยากหมากแพงและอดอาหาร
9. พยาธิภัย จะเกิดโรคระบาดคนและสัตว์ล้มตาย
10. สัตถภัย จะรบราฆ่าฟันกันล้มตายร้ายแรง
(คิดเอาเองว่าเป็นจริงไหม กับเหตุการณ์ในปัจจุบัน)

ในขั้นสุดท้าย แผ่นดินจะไหวเดือนละหลายครั้ง จะมีสุริยคราสและจันทรคราสบ่อยครั้ง จะเห็นผีพุ่งไต้บ่อยๆ ดาวหางและแสงประหลาดจะบังเกิดให้เห็นไม่ขาดระยะ (เกิดขึ้นจริง เร็วๆนี้ได้เห็นแล้ว ข่าว CNN แจ้งว่าคนใน 5 รัฐ (อาจใหญ่กว่าประเทศไทย) ในอเมริกาตอนเหนือได้เห็นลูกไฟมหึมาตกลงสู่โลก มีเสียงระเบิดดังด้วย ผู้คนนึกว่าโลกจะอวสาน ดูได้ใน Youtube.com ชื่อ cnn massive fireball from sky) จะได้ยินเสียงดังในอากาศคล้ายระเบิดและปืนใหญ่ แร้งกาจะบินลงเกาะบ้านเมืองอย่างผิดธรรมดา ฝูงมนุษย์จะเดือดร้อนและขวักไขว่กันไปมา จะบังเกิดสงครามฆ่าฟันกันตายเหมือนใบไม้ร่วงไปทุกหนทุกแห่ง ครั้นแล้วถึงกาลที่องค์พระเมตไตรยโพธิสัตว์จะปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกตามบุรพ กรรมสัญญา  

กรรมของศาสนาของพระพุทธโคดม
พุทธันดรที่ 4 นี้ เมื่อพราหมณ์ไปทูลขอศาสนาจากพุทธองค์แล้ว กาลต่อมาพอจะประกอบพิธีอะไร ก็จะประกอบตามพิธีพราหมณ์ของตนก่อน เพราะพวกพราหมณ์ยังบำเพ็ญบารมีสูงไม่ถึงพุทธ จึงไม่รู้ข้อวัตรปฏิบัติ ว่ามีมาอย่างไร และจะปฏิบัติอย่างไร เพราะต้นศาสนาก็ไม่รู้ ตรงกลางก็ไม่รู้ และปลายยอดของพระศาสนาก็ไม่รู้ รู้ว่าเขาไปนิพพานก็อยากไป แต่ไม่รู้ว่านิพพานอยู่ตรงไหน และจะเอาอะไรไป เพราะไม่รู้ข้อวัตรปฏิบัติของ อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นเช่นไร เมื่อขาดความเห็นที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน ข้อวัตรปฏิบัติจึงแปรเปลี่ยนเป็นพิธีกรรมต่าง ๆ แพร่กระจายออกสู่ชาวพุทธ เมื่อจะทำการกุศลใดก็จะทำพิธีบูชายัญ และพิธีกรรมต่าง ๆ ของพราหมณ์ จนกลายเป็นประเพณีนิยมสืบกันทุกวันนี้

มาร เมื่อได้พระพุทธศาสนามาแล้ว จึงทำการแก้ไข เปลี่ยนแปลงเสียใหม่ บอกชี้สิ่งที่ถูกให้เป็นผิด บอกสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ทำสิ่งชั่วร้ายให้เห็นเป็นของดี เห็นการทำดีเป็นสิ่งชั่วร้าย จนเป็นที่มาของคำว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป และเมื่อชาวพุทธจะสร้างบารมี ด้วยการนั่งสมาธิภาวนาก็บอกว่า เดี๋ยวจะบ้านะอย่านั่งเลย ไปหาพระประพรมน้ำมนต์ขอของขลังดีกว่า ไปสะเดาะเคราะห์ดีกว่ามานั่งปฏิบัติธรรมเอง พญามารหลอกลวงชาวพุทธให้วนเวียนอยู่ในอำนาจมาร ให้หลงโง่งมงายในเดรัจฉานวิชชา ทำให้จิตใจมืดบอด ทำให้ชาวพุทธไม่รู้หนทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง ประกอบการกุศลครั้งใดแทนที่จะเป็นบุญเป็นกุศล ก็กลับเป็นเวรเป็นกรรมอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะนิมิตหมายแห่งคุณงามความดี และทางที่บริสุทธิ์ พวกมารได้ตัดได้ปิดได้ฝังลงดินไปเสียแล้ว และถูกทางฝ่ายมารเข้าแทนที่ โดยปรมัตถ์แห่งการตัดหวายตัดลูกนิมิต เพราะหวายเป็นเส้นยาว เปรียบประดุจเส้นทางแห่งมรรค ผล นิมิต คือ ความสว่าง ความรู้แจ้งแห่งปัญญา เมื่อถูกปิด ถูกตัดเสียแล้ว มนุษย์ก็เดินหลงทาง ปฏิบัติไปไม่ได้อะไรก็เลยท้อใจ และเบื่อหน่าย ละเลิกทอดถอนการปฏิบัติไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง
ยักษ์ เมื่อมารใช้ให้พราหมณ์ไปขอพระพุทธศาสนาจากพระพุทธโคดมในครั้งนั้น พระพุทธองค์ทรงยกให้ 2,500 ปีหลัง
ส่วนที่หนึ่ง พราหมณ์เอาไปประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
ส่วนที่สอง มาร เอาไปตัดไปปิด และเอาฝังเอาไว้
ส่วนที่สามนั้น พวกยักษ์เอาไปขายกิน เมื่อยักษ์ได้รับส่วนแบ่งพระพุทธศาสนามาแล้ว ตามประสาของยักษ์ชอบใช้แรง ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เมื่อความเป็นยักษ์เริ่มสิงจิตใจผู้คน จนทั่วถึงกันทุกชนชั้นวรรณะ ตลอดจนถึงพระสงฆ์ ก็เริ่มโอ้อวดฤทธิ์เดชความสามารถ ความอยู่ยงคงกระพัน วัตถุมงคลเกิดขึ้นมากมายแทนการปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง ผู้คน เริ่มมีนิสัยละโมบ อวดใหญ่ ลำพอง คะนองเดช ตามสันดานของยักษ์ ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น จากการเห็นผิดเป็นชอบด้วยไฟแห่งโลภะ โทสะ และโมหะ ผล

สุดท้ายชาวพุทธก็ทำลายล้างกันเอง (เป็นเรื่องจริงไหม ที่เดี๋ยวนี้ การสอนพุทธศาสนา แยกแยะกัน เป็นฝ่ายโน้น ฝ่ายนี้ สอนแตกแยก บ้างก็แฝงเข้ามาใช้พระพุทธศาสนาทำมาหากิน) ความเมตตาปราณีถดถอยออกจากจิตใจ ความละโมบมักมากก็ทวีคูณขึ้น การทำมาหากินจึงโกงกิน แก่งแย่งทำลายซึ่งกันและกัน เป็นที่มาของปัญหาคอรัปชั่นตามนิสัยยักษ์ คือ ชอบยักยอก ผลสุดท้าย ศาสนาที่ถูกมรรค ถูกผล ถูกนิพพาน ก็ไม่เหลือไว้คุ้มครองชาวพุทธ ตามปรมัตถ์ที่เหล่าพญาสัตว์ขอ "พระ" มาเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก โลกจึงขาดสันติสุขเพราะชาวโลกเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ความเมตตา ความสงบก็ขาดจากกัน ปลาใหญ่ก็กินปลาเล็ก คือ ผู้ใหญ่รังแกผู้น้อย ประเทศที่ใญ่่กว่าก็เปียดเบียนรังแกประเทศที่ด้อยกว่า บังเกิดความทุกข์ยากไปทั่ว ดังเช่นที่ประสบกันในทุกวันนี้ ทำไมศาสนาพุทธจึงเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกไม่ได้ตลอดพุทธกาล เหล่านี้เป็นเพราะกรรมอันใดเล่า กรรมแห่งศาสนาของพระพุทธโคดมมีมาเช่นไร
---------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องราวเหมือนข้างบน

เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม,ลดต้นทุนให้เกษตรกร,ใช้เงินทำงาน,บริษัทมหาชน ...

"เมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์จะมาช่วยสืบอายุพุทธศาสนาใน พุทธกาลของพระตถาคตนั้น ... ขณะที่เมตไตรยกระทาชายวิ่งไล่ขับฝูงลิงที่ลงมากินแตงโมใน ไร่นั้น ก็เลยวิ่งเลยถลำ .... พระสงฆ์ถึงแม้จะเรียนรู้จนจบพระ ไตรปิฎกสักร้อยครั้งพันครั้ง ...
www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view ...
ที่มา http://www.ainews1.com/modules.php?name=Web_Board&file=view&No=196

พระพุทธโคดมทรงเล่า อดีตกรรมจบลง พร้อมพยากรณ์เหตุการณ์สืบไปอีกว่า หลังศาสนาของพระองค์ผ่านไป 2,500 ปี จะเกิดสิ่งเหล่านี้ (ทรงเล่าให้แก่พระอานนท์) ...

แล้วต่อมา ภายหลัง (พ.ศ.2560 [หมายเหตุ พ.ศ. ไทยเร็วไปกว่าความเป็นจริงประมาณ 48 ปี]) ไปแล้ว ที่ธรรมชาติร่อนตะแกรงครั้งสุดท้ายสิ้นสุด พุทธศาสนิกของพระองค์ในดินแดนสุวรรณภูมิเหลือรอดอยู่เพียง 25% ในจำนวนนี้ที่มีชีวิตอยู่ในสภาพคนบ้าอยู่มากมาย ที่เสียสติไประหว่างพิบัติภัยของโลกเกิดขึ้น  แล้วองค์พระศรีอริยเมตไตรย จึงจะเสด็จมาช่วยฟื้นฟูสังคยานาพระพุทธศาสนา ให้คืนกลับสู่รูปรอยที่ถูกต้อง (อันเกิดจาก ข้าศึก ยักษ์ มาร มาแย่งชิงบิดเบือนคำสอน ให้ต่างไปจากสัมมาทิฐิ ยากแก่ผู้ที่จะนำไปปฏิบัติตาม ที่พระพุทธองค์ทรงทำนายให้แก่พระอานนท์ฟัง)

ให้คืนกลับมาอีก ครั้งหนึ่ง ในยุคของชาวศิวิไลซ์ ให้พุทธศานา เป็นอันดับหนึ่งของโลก มีผู้นำมายึดถือปฏิบัติตามมากที่สุด ยังความเจริญรุ่งเรืองอันไพศาล แก่ดินแดนสุวรรณภูมิ ทั้งทางโลกและทางธรรม สืบไป จนสิ้นยุดสมัย 5,000 ปี
By data_n 2009-12-28 08:20:26 [IP : 113.53.38.xxx] ตอบ 8
---------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องต่อไปนี้ หาข้ออ้างอิงที่สมบูรณ์ไม่ได้ และเป็นไปในรูปนิทานธรรมะ ซึ่งประกอบไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ท่านเป็นผู้พิจารณาเอาเอง

พระศรีอาริยเมตไตร (พระอชิตเถระ) นิทานธรรมะ. ... พัน พระองค์มีพระราชโอรสประมาณพันพระองค์ พระราชโอรสผู้ใหญ่นั้น ทรงพระนามว่า อชิตราชกุมาร เจ้าอชิตราชกุมารนั้น ...
www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=25342 -

พระศรีอาริยเมตไตร (พระอชิตเถระ)
เป็นเรื่องที่ขาดที่มาที่ไป ยกขึ้นมากล่าวโดยไร้ข้ออ้างอิง

เป็นใจความว่า เมื่อศาสนาพระตถาคตครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว ฝูงสัตว์ก็มีอายุถอยลง คงอยู่ ๑๐ ปีเป็นอายุขัย ครั้งนั้นแล จะบังเกิดมหาภัยเป็นอันมาก ....

ปางเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรยเจ ้าเสด็จออกบรรพชานั้น ฝูงเทพยดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ และ มนุษย์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ทั้งหลาย กระทำสักการบูชา ทั้งพระยาบรมจักรพรรตราธิราชเจ้าผู้ประเสริฐ ก็พร้อมด้วยแสนสาวสนมในทั้งปวง และโยธาหาญ หมู่จตุรงค์องค์พยุหะเสนาอเนกนับมิได้ เสด็จไปที่ใกล้แห่งสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ....

องค์พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าผู้ทรงพระภาคมีประเภทเ ป็นอันงามนั้น
- พระองค์มีพระวรกายสูงได้ ๘๘ ศอก
- พระองค์ใหญ่กว้างได้ ๒๕ ศอก
- ตั้งแต่พระบาทถึงพระชานุมณฑลมีประมาณ ๒๒ ศอก
- ตั้งแต่พระชานุมณฑลขึ้นไปถึงพระนาภีประมาณ ๒๒ ศอก
- ตั้งแต่พระนาภีขึ้นไปถึงพระรากขวัญทั้ง ๒ ประมาณ ๒๒ ศอก
- ตั้งแต่พระรากขวัญขึ้นไปถึงพระเศียรเกล้า ที่สุดยอดพระอุณหิส เปลวพระพุทธรัศมีนั้น ประมาณ ๒๒ ศอก เสมอกันทั้ง ๔ส่วน
- พระรากขวัญทั้ง ๒ แต่ละอันนั้นยาวได้ ๕ ศอก
- อันว่าพระหัตถ์ทั้ง ๒ ซ้าย-ขวานั้น ยาวได้ ๔๐ ศอก ( เข้าใจว่าความยาวจากหัวไหล่ถึงปลายนิ้วมือแต่ละข้าง ยาวได้ ๔๐ ศอก .... พีรจักร ) ....

พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ตรัสแสดงพระสัทธรรมเทศนา
พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั้น มนุษย์และเทพยดาทั้งหลายได้ซึ่งธรรมาภิสมัย มรรคและผลธรรมวิเศษ ประมาณ ๓ แสนโกฏิฯ
---------------------------------------------------------------------------------------

ข้อควรพิจารณา

คำทำนายเรื่องของพระจักรพรรดิมีมาก่อนที่สิทธัตถะกุมารประสูตร จะบ่งบอกถึงชื่อ นามสกุลที่แท้จริง เวลาจุติ (พระจักรพรรดิคือเทพเจ้าจึงใช้คำว่าจุติ) ที่กรุงเทพมหานครก่อนที่ประเทศไทยจะตั้งขึ้นล่วงหน้านับหลายพันปี คำทำนายบ่งบอกแม้พระองค์ชอบทานอะไร ปัจจุบันบ้านอยู่ที่ไหน มีลักษณะอย่างไร แม้แต่ลักษณะพระจักรพรรดิยังมีข้อมูลบ่งไว้ พระจักรพรรดิรู้อะไรที่คนทั้งโลกไม่่รู้ และเมื่อพระองค์ปรากฏจะเป็นอย่างไร ข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยผู้มีญาณพิเศษทั้งหลายในเวลาต่อๆ มา ได้เสริมความเข้าใจในเรื่องพระจักรพรรดิยิ่งขึ้น ดังเช่นจากพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี กล่าวถึงหลังพระจักรพรรดิปรากฏพระองค์ คือในรัชการที่ 10 ประเทศไทยจะเป็นผู้นำศรีวิไล ผู้ศึกษาเรื่องราวพระจักรพรรดิอย่างแท้จริงนี้ี้สามารถทราบเรื่องราวได้ดีขึ้น จะรู้มากน้อยอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับโชค แต่ถ้าผู้คนไม่สนใจคำทำนายเพื่อพิสูจน์ความจริงเรื่องพระจักรพรรดิื โลกาวินาศเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ และผู้ที่รอดชีวิตที่เหลือไม่มากนักจะเป็นคนดีเพราะได้เข้าใจในสิ่งที่ไม่เชื่อที่จะพิสูจน์หาข้อเท็จจริงและลบหลู่ในสิ่งดีงาม มีผลเป็นอย่างไร ผู้ที่ไม่รอดชีวิตจะถูกพิจารณาโทษ ที่สำคัญที่คนส่วนมากไม่ทราบคือการพิจารณาว่าเป็นพวกของมารหรือไม่ อย่าพึงคิดว่าเราเป็นใคร เป็นบรรชิต หรือมีตำแหน่งใดๆ เป็นคนร่ำรวยมีชื่อเสียงใดๆ สิ่งเหล่านี้มาช่วยอะไรไม่ได้ โลกมนุษย์นั้นต่างกับโลกวิญาณแบบคาดไม่ถึง

metteya.org มีหลักฐานรูปธรรมของพระจักรพรรดิอยู่มากกว่า 30-40 ข้อมูลที่สามารถนำไปพิสูจน์ความจริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่ที่ไม่ได้บอกมาให้ชัดเจนเพราะป้องกันมารจะทำลายการพิสูจน์เรื่องพระจักรพรรดิเสียก่อน ดังเช่นมารได้พยายามทำลายพระพุทธเจ้าโคตมมาแล้ว

ในเรื่องที่พระสงฆ์ไม่น้อยสอนพุทธศาสนิกชนว่า พระศรีอารย์จะมาปรากฏเมื่อ พ.ศ. 5000 หรือในเวลาอื่นใดนอกไปจากกึ่งพุทธกาลนั้น ไม่ควรยึดถือว่าเป็นจริง เพราะยังขาดหลักฐานสนับสนุนที่น่าเชื่อถือได้

แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาอยู่ที่ว่า การบอกกล่าวให้คนไทยได้ช่วยกันหาความจริงในเรื่องพระจักรพรรดิ ที่จะสามารถช่วย ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และนำผู้คนไปสู่สันติสุขโดยสันติวิธีได้ แต่ปรากฏว่า ในเรื่องนี้หาคนสนใจได้ยาก เพราะไม่มีใครเชื่อว่าพระจักรพรรดิ (พระศรีอารย์) จะมาปรากฏในเวลาปัจจุบัน นี่เป็นเพราะการสอนที่ผิดๆ หรือ เป็นผลที่มารมาปิดบังตา หรือ เป็นเพราะอกุศลกรรม หรือ เป็นผลที่พุทธศาสนิกชนไม่รู้จักใช้กาลามสูตร ถึงได้้เป็นไปตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสทำนายไว้แล้วว่ามนุษย์ไม่มีบุญพอที่จะเห็นธรรมอันบริสุทธิ์ได้

ตามพุทธทำนาย พระศรีอารย์จะปรากฏในกึ่งพุทธกาลคือปัจจุบันนี้ จะยึด พ.ศ. เถรวาทไม่ได้เพราะ พ.ศ. นี้เร็วกว่าความเป็นจริงไปประมาณ 50 ปี เวลาการมาปรากฏของพระจักรพรรดิในกึ่งพุทธกาลยังตรงกับคำทำนายของศาสนาอื่นๆ และคำทำนายโบราณด้วย

เรื่องคำทำนายเหล่านี้ มีที่่อ้างอิง (Ref.) และจะไม่ขอให้ท่านเชื่อ แต่ได้โปรดพิจารณาตามเหตุผลและหลักฐานเอาเอง โดยควรใช้กาลามสูตรของพระพุทธองค์เป็นเครื่องพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นกุศล สิ่งใดเป็นบุญไม่เป็นโทษ สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่ ขาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน โดยไม่ได้ส่งเสริมบุคคลใดหรือกลุ่มชนใดโดยเฉพาะ นอกจากจะพิสูจนข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม

โปรดคลิกดูเพื่อศึกษาู

พระพุทธเจ้าคือพระศาสดาเอกของโลก พระจักรพรรดิคือพระศรีอารย์ ซึ่งต่างพระองค์กัน

ทั้งพระพุทธเจ้าโคตมและพระจักรพรรดิมิได้หวังใน ลาภ ยศ สรรเสริญ ทรัพย์สมบัติ ใดๆ ยกเว้นแต่เพื่อช่วยมนุษยโลกให้ได้เห็นซึ่งความจริง นี่คือสัจธรรมแห่งพระพุทธเจ้าและพระจักรพรรดิ


เวบselfwisdom.net เป็นเวบ(ภาษาอังกฤษ) แสดงข้อเท็จจริงเรื่องพระจักรพรรดิ สำหรับภาษาไทยอยู่ที่เวบ metteya.org
จากกลุ่มพุทธศาสนิกชนผู้ยึดมั่นในคำตรัสสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตม

เขียนแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน 5 ธค. 54

ไปที่ "สรรบัญ" ไปหน้าแรกของ www.metteya.org