ความจริงที่เราหนีไม่พ้น กำลังคืบใกล้เข้ามาทุกทีๆ คิดกันให้ดี ถึง คำทำนายวันสิ้นโลก - ภัยพิบัติล้างโลก - โลกาวินาศ
2012-2013 ถ้ามนุษย์ส่วนมากยังมีความดื้อดึงโดยไร้หลักธรรม ไม่หาข้อเท็จจริง คิดเอาเปรียบกัน เบียดเบียนกัน ไม่คิดบาปกรรม
|
จากพุทธทำนาย เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์สองพระองค์ในประเทศไทย (พระมหาเถรโพธิสัตว์และพระธรรมิกราช ที่จะปรากฏได้ในปัจจุบัน) กับการเกิดโลกาวินาศ ถ้าผู้คนไม่รับความเป็นจริง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "ตถาคตสงสารสัตว์ เวลาพลโลกยังเหลือน้อยเต็มที คำทำนายของตถาคตนี้ ยังให้สัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่เล่าให้ผู้ใดรู้กันต่อๆ ไป นับว่าเป็นกรรมแห่งสัตว์ ต่างสิ้นสุดกันตามกาลเวลา" (พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าคนนั้นเห็นแก่ตัวเพียงไร ทั้งมีความประมาทมีบาปเป็นของตน ขาดบุญกุศล จึงไม่บอกเล่าสิ่งดีงามกันต่อๆไป นับว่าเป็นกรรมของสัตว์เหล่านั้นเอง)
|
"อะไร ที่ไหน? “พระพุทธเจ้าไม่มีตัวจริง” เห็นข่าวสด วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2553 โดยศาตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก / ราชบัณฑิต เขียนว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ท่านผู้หนึ่งปรารภกับผมเชิงวิชาการว่า เดี๋ยวนี้นักวิชาการสมัยใหม่เสนอความคิดว่า "พระพุทธ เจ้าไม่มีตัวจริง คุณคิดเห็นอย่างไร" … “ผม … รู้สึกขัดเคืองที่เดียรถีย์นอกศาสนาคนใดมาย่ำยีดูหมิ่นพระพุทธองค์และบิดเบือนคำสอนของพระองค์ จึงขอประกาศไว้ ณ ที่นี้ว่า ผมพร้อมที่จะวิวาทกับใครก็ได้ ที่มาละลาบละล้วงสิ่งเคารพสักการะของผม” และ ศ.พิเศษ เสถียรพงษ์ฯ ตอบว่า “พยานทางประวัติศาสตร์หนักแน่นพอ จะให้เชื่อว่า เจ้าชายสิทธัตถะเป็นบุคคลจริง” และ ศ.พิเศษ เสถียรพงษ์ฯ นำเรื่องของท่านอาจารย์พุทธทาส ผู้รวบรวม "พุทธประวัติจากพระโอษฐ์" มากล่าวต่อ ลองมาดูกันสักนิดไหม ว่าเรื่องที่พระพุทธองค์ชอบยกมาเล่าให้เหล่าสาวกฟัง นั้นเป็นเรื่องอะไรบ้าง พระพุทธองค์ทรงเล่าถึง "มรรควิธีที่ผิดพลาด" ที่ทรงหลงดำเนินเป็นเวลา 6 ปี ล้วนแต่เรื่องพิลึกกึกกือทั้งนั้น ก็เป็นเรื่องในพระไตรปิฎก ๒. มหาสีหนาทสูตร ดังแสดง ข้างไว้ล่าง ต่อจาก "ลองมาอ่านเรื่องจริงๆกันบ้าง" เรื่อง “พระพุทธ เจ้าไม่มีตัวจริง”นี้ เมื่อ 6-7 ปีก่อน ก็มีเด็กมหาวิทยาลัยถามผม และในเวลาต่อมา ก็มีพระสงฆ์ลูกวัดคุยกับผมในเรื่องเดียวกันนี้เหมือนกัน ซึ่งผมได้อธิบายว่าพระสงฆ์ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จะต้องมีศาสดา มีพระธรรม เหมือนเช่นศาสนาอื่นๆ และศาสดาของพระพุทธศาสนาคือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตม และสามารถค้นคว้าทางวิชาการหาความเป็นจริงได้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตมทรงแสดงสัจธรรม ที่ทุกๆคนมีสิทธิเสรีภาพทัดเทียมกัน ในการพิสูจน์หาข้อเท็จจริง ด้วยการใช้ปัญญา โดยไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนที่จะเข้าถึงสิ่งใดๆ ที่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษ เป็นกุศลธรรม แล้วนำไปปฏิบัติให้เห็นผลเอง อันจะนำพาไปสู่ความมีศรัทธาในพระสัทธรรม 3 ของพระผู้มีพระภาค ซึ่งเป็น ธรรมอันดี ธรรมที่แท้ ธรรมของสัตบุรุษ หรือหลักของพระพุทธศาสนา พระสัทธรรม 3 คือ 1. ปริยัตติสัทธรรม ได้แก่พุทธพจนที่เป็นพระธรรมที่เที่ยงแท้ ที่ควรศึกษา 2. ปฏิปัตติสัทธรรม คือหลักปฏิบัติ มีศีล สมาธิและปัญญา เป็นเครื่องชี้แนะเพื่อนำไปสู่ 3.ปฏิเวธสัทธรรม คือผลอันจะพึงบรรลุด้วยการปฏิบัติไปสู่ มรรค ผล และนิพพาน ในเรื่องใดๆก็ตาม ถ้าเป็นสัจธรรม ถึงแม้ไม่สวยงาม อาจทำให้ผู้อื่นที่ได้ทราบได้เห็นแล้ว อาจไม่สบายใจ ดังเช่น ๒. มหาสีหนาทสูตร เราผู้ตามรอยพระพุทธบาทของพระผู้มีพระภาค เราไม่อาย ไม่หดหู่ ไม่ย่อท้อ ท้อถอย ยึดสัทธรรม สู้ความจริง ยังดีกว่ายอมรับสิ่งสวยงาม มีความดีเด่น เห็นคุณค่าได้ในช่วงเวลาหนึ่งเวลาใด แต่ไม่ใช่สัทธรรม ผมเห็นอันตรายจากอิทธิปาฏิหาริย์ ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรังเกียจ ทรงตรัสห้าม แต่ยังมีพุทธศาสนิกบางคน สร้างเรื่องแต่งเรื่องในทำนองอิทธิปาฏิหาริย์ โดยยากที่จะหาความเป็นจริงได้ ผมไม่ว่าเขา เพราะอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สิ่งที่แสดงออกเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์นั้น ทำให้เดียรถีย์นอกศาสนายึดถือเป็นอาวุธหนึ่ง ในการทำลายพระพุทธศาสนาดังเช่น “พระพุทธเจ้าไม่มีจริงตัวจริง” เรื่องอภินิหาริย์ที่ผมว่ายกเป็นตัวอย่างเช่น พุทธประวัติที่เขียนสอดแทรกอภินิหาริย์ไว้ ดังเช่น “นางสุชาดากับทาสีมาถวายข้าวมธุปายาส โดยสำคัญว่าเทวดา … ทรงลอยถาด ถาดไปกระทบกับถาดเดิม พญานาคก็รู้ว่า พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ … เสด็จกลับจากลอยถาด ทรงรับหญ้าคาซึ่งพราหมณ์โสตถิยะถวายในระหว่างทาง ทรงลาดหญ้าคาประทับเป็นโพธิบัลลังก์ … ตกเย็นพญามารก็กรีฑาพลมาขับไล่ … แม่พระธรณีบิดพระเกศา เกิดเป็นสมุทรธารา พระยามารก็พ่ายแพ้แก่พระบารมี พอรุ่งอรุณก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เทวดาฝ่ายฟ้อนร่อนรำถวายเป็นพุทธบูชา … เสด็จไปประทับโคนต้นไทร สามธิดามารมาประโลมล่อให้หลง ก็ไม่ทรงใยดี … ย้ายไปประทับโคนไม้จิก ฝนตกพรำ พญานาคมาขดขนดปกพระกาย กำบังฝน” ถ้าผมเป็นคนนอกศาสนาได้อ่าน ก็คงกล่าวว่าไม่เป็นเรื่องจริงแล้วอาจพูดว่า “พระพุทธ เจ้าไม่มีตัวจริง” ดังนั้นการที่บางท่านพยายามยกย่องพระพุทธศาสนา แต่ถ้าหาหลักฐานมาชี้แจงไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง การแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ออกไปจักเป็นดาบสองคมกลับมาฟาดฟันเราเองได้ ลองมาอ่านเรื่องจริงๆกันบ้างใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ ชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ๒. มหาสีหนาทสูตร “ดูกรสารีบุตร เรานั้นแลเคยคลานเข้าไปในคอกที่เหล่าโคออกไปแล้ว และ ปราศจากคนเลี้ยงโค กินโคมัยของลูกโคอ่อนที่ยังไม่ทิ้งแม่ มูตรและกรีสของเรายังไม่หมดสิ้นไป เพียงไร เราก็กินมูตรและกรีส (อุจจาระ) ของตนเองเป็นอาหาร ดูกรสารีบุตร นี้แหละเป็นวัตรในโภชนะ มหาวิกัฏของเรา ..." “ดูกรสารีบุตร เราย่อมสำเร็จการนอนแอบอิงกระดูกศพในป่าช้า พวกเด็กเลี้ยง โคเข้ามาใกล้เราแล้ว ถ่มน้ำลายรดบ้าง ถ่ายปัสสาวะรดแล้ว โปรยฝุ่นรดบ้าง เอาไม้ยอนที่ช่อง หูบ้าง เราไม่รู้สึกว่า ยังจิตอันลามกให้เกิดขึ้นในพวกเด็กเหล่านั้นเลย ดูกรสารีบุตร นี้แหละเป็น วัตรในการอยู่ด้วยอุเบกขาของเรา ...” “ดูกรสารีบุตร เมื่อเรากิน [อาหารเท่า] ผลพุทราผลเดียวเท่านั้น ร่างกายก็ถึงความซูบผอมยิ่งนัก … ตะโพกของเราเปรียบเหมือนรอยเท้าอูฐ … กระดูกซี่โครงของเราเหลื่อมขึ้น เหลื่อมลงเห็นปรากฏ … ดวงตาของเราลึกเข้าไปใน เบ้าตา เหมือนเงาดวงดาวปรากฏในบ่อน้ำอันลึกฉะนั้น … ดูกรสารีบุตร เรานั้นแลคิดว่า จะลูบคลำผิวหนังท้อง ก็คลำถูกกระดูกสันหลังทีเดียว” ผมอ่านแล้ว มองเห็นแล้วซึ่งความพยายามของพระโพธิสัตว์ที่ทรงกระทำใน 6 ปี กว่าที่พระองค์จักทรงตรัสรู้ได้นั้น มีความลำบากยากแค้นแสนสาหัสยิ่งนักเพียงใด ผมเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนายิ่งนัก เห็นคำตรัสสอนของพระพุทธองค์เป็นปาฏิหาริย์ (คือเป็นคำตรัสสอนที่เป็นอัศจรรย์) มีหลักฐาน เป็นวิชาการที่แท้จริง ผมจึงมีศรัทธาในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งนัก ผมขอขอบคุณยิ่ง ขออนุโมทนายิ่ง และขออนิสงค์ (การสร้างบุญบารมี ด้วย ทาน, ศีล, ภาวนา) จงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายที่มีการกระทำ มีเจตนารมณ์ และแสดงความคิดเห็นที่เป็นไปในทางสร้างสรรค์จรรโลงพระพุทธศาสนา อย่างเช่น ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ที่มีความมุ่งมั่น “มีจุดมุ่งหมายของเว็บ พลังจิต คือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา” ที่ให้เราได้มีโอกาสหาความรู้ สื่อสารแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในพระพุทธศาสนา
|
เพื่อให้เห็นข้อเท็จจริงว่า มีบุคคลทั่วโลก อาจจะสนใจในเรื่อง “พระพุทธเจ้าไม่มีตัวจริง” หรือมีคำถามเกี่ยวกับพระพุพธเจ้าและคำตรัสสอนของพระพุทธองค์ ผมจึงขอผลการค้นหาเรื่องที่มีคนสงสัยเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าบ้างไหม จากเวบ selfwisdom.net ที่มีผู้ลงบุ๊กมาร์ก (bookmark) มากถึงประมาณ 95% ของผู้เข้าอ่านข้อมูล ทั้งนี้เพื่อนำมาประกอบเป็นตัวอย่างเรื่องข้างบน ปรากฏมีและขอยกเป็นตัวอย่างดังนี้ ในวันที่ 25 เมษายน 53 ผู้ชมจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ค้นหาเรื่อง "อะไรบ้าง ถ้าพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนผิด" (what+if+buddha+is+wrong) และข้อมูลในเรื่องข้อเท็จของพระพุทธศาสนา(Buddhism.htm) ของเวบ selfwisdom.netทำให้ผู้ชมนี้ บุ๊กมาร์กเก็บ URL ของเวบ selfwisdom.net ไว้เพื่อกลับมาดูข้อมูลอื่นๆต่อไป [112.135.xx.xxx [2010/04/25@13:09:xx-0400] "GET /true%20messiah/buddhism.htm HTTP/1.1&" 200 22103 "selfwisdom.net" "http://www.google.lk/url?sa=t"source= ... %2520messiah%2Fbuddhism.htm"rct=j"q=what+if+buddha+is+wrong"ei=PnfUS-iCAYS ... A9XHSLvHjQ" 112.135.xx.xxx [2010/04/25@13:09:37 -0400] "GET /favicon.ico HTTP/1.1" 200 1406 "selfwisdom.net" "-"] ในวันที่ 5 พฤษภาคม 53 ผู้ชมจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอร์มัน ค้นหาเรื่อง "ความผิดของพระพุทธเจ้า" (buddha+mistake) และข้อมูล ในเรื่องข้อเท็จของพระพุทธศาสนา(Buddhism.htm) ของselfwisdom.net ทำให้ผู้ชมนี้บุ๊กมาร์กเก็บ URL ของเวบ selfwisdom.net ไว้เพื่อกลับมาดูข้อมูลอื่นๆต่อไป [85.216.xxx.xxx [2010/05/07@15:26:09 -0400] "GET /true%20messiah/buddhism.htm HTTP/1.1" 200 22103 "selfwisdom.net" "http://www.google.de/search?q=buddha+mistake"hl=en"start=40"sa=N" 85.216.xxx.xxx [2010/05/07@15:26:09 -0400] "GET /favicon.ico HTTP/1.1" 200 1406 "selfwisdom.net" "-"] เวบselfwisdom.net เป็นเวบ(ภาษาอังกฤษ) แสดงข้อเท็จจริงเรื่องพระจักรพรรดิ สำหรับภาษาไทยอยู่ที่เวบmetteya.org จากกลุ่มพุทธศาสนิกชนผู้ยึดมั่นในคำตรัสสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตม (ข้อมูลจาก เวบ metteya.org) |
ไปที่ "สรรบัญ" ไปหน้าแรกของ www.metteya.org |