คำทำนายวันสิ้นโลก - ภัยพิบัติล้างโลก - วันสิ้นสุดของโลก 2012 เป็นการสิ้นโลกของอธรรม และเข้าสู่ยุคของกุศลธรรมอย่างแท้จริง เรื่องนี้มีที่มาที่ไป ไม่ให้เชื่อตื่นตกใจ หรือ หลงงมงาย |
พุทธทำนายบ่ง “แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล” (โลกามหาวินาศ) ในปี พ.ศ. 2556 สำหรับพวกมายัน 1500 ปีก่อนพุทธกาลทำนายวันสิ้นโลกปี 2555 ซึ่งเป็นปีเดียวกับ NASA ทำนายการระเบิดของดวงอาทิตย์สูงสุด ซึ่งพายุจากดวงอาทิตย์ครั้งนี้น่าจะมีผลเกี่ยวข้องกับที่พระผู้มีพระภาคตรัส ไว้ในมหาปรินิพพานว่า “มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ” เป็นเหตุให้แผ่นดินไหวใหญ่ คิดอีกสักหน ถึงเวลาที่คนไทยจะคิดเรื่อง “พุทธทำนาย” กันสักครั้งไหม หาข้อเท็จจริงในพระจักรพรรดิ เพื่อการอยู่รอดจากโลกามหามหาวินาศที่ไม่เพียงแต่พระผู้มีพระภาค แต่ยังมีคำทำนายอื่นๆได้บ่งไว้เช่นกัน โปรดอย่าพึ่งลืมคำเตือนเรื่อง “สึนามิ” ของ นายสมิทธ ธรรมสโรช ที่ถูกทุกฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องตลก ในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวด่ากันขรมว่าเป็นพวกทำลายการท่องเที่ยวจากการท่อง เที่ยวเสียหาย เมื่อ “สึนามิ” เกิดขึ้น ใครเป็นจำเลยที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว
สำหรับโลกามหาวินาศ (แผ่นดินไหวใหญ่) ที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้
เราจะไม่มีโอกาส “เห็นโรงศพ แล้วถึงหลั่งน้ำตา”
เพราะเราส่วนใหญ่คงไม่มีโอกาสรอดจากโลกามหาวินาศมาหลั่งน้ำตาได้
คิดอีกครั้งด้วยกุศลปัญญา
ผู้มีญาณวิเศษ เช่น พระผู้มีพระภาคโคดม สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
นอสตระดามุส (นอสตราดามุส)
ได้ทำนายว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางของศรีวิไลในการเปลี่ยนแปลงโลกครั้ง
สำคัญจากกลียุคเป็นกฤดายุคหรือยุคทอง
ที่มนุษยโลกจะมีแต่สันติสุขและสันติภาพที่แท้จริง
การเกิดขึ้นของสิ่งดีงามจะต้องพิสูจน์เรื่องพระจักรพรรดิ
หรือถ้าไม่สนใจ ก็รอวันโลกามหาวินาศที่ควรเกิดขึ้นแทนสิ่งดี
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2556
พุทธทำนายบ่ง “แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล” (โลกามหาวินาศ) ในปี พ.ศ. 2556
สำหรับพวกมายัน 1500 ปีก่อนพุทธกาลทำนายวันสิ้นโลกปี 2555
ซึ่งเป็นปีเดียวกับ NASA ทำนายการระเบิดของดวงอาทิตย์สูงสุด
ซึ่งพายุจากดวงอาทิตย์ครั้งนี้น่าจะมีผลเกี่ยวข้องกับที่พระผู้มีพระภาคตรัส
ไว้ในมหาปรินิพพานว่า “มหาปฐพีนี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม
ลมตั้งอยู่บนอากาศ” เป็นเหตุให้แผ่นดินไหวใหญ่ เรื่องพุทธทำนายและคำทำนายโลกอื่นๆ ไม่ใช่เพื่อให้ตื่นข่าวตกใจ ไม่ใช่เจตนาหาเงิน ไม่ลวงโลกหรือให้คนหลงงมงาย แต่เราควรมีเหตุผลพิจารณาตาม “กาลามสูตร” คือไม่ต้องเชื่อในเรื่องใดๆ แต่ถ้าสิ่งใดเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นก็ควรนำมายึดถือปฏิบัติให้เกิดกุศล กรรม ไม่ควรมองข้ามในสิ่งดีงามถ้าเราไม่ใช่ทาสบริวารของมารผู้มีความประมาท มีความทะนงตน อวดดี เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน ผู้มีอริยะปัญญามีเทพคุ้มครอง มองเห็นแสงพระธรรมอันบริสุทธิ์ เกิดความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้ง |
ไปที่ "สรรบัญ" ไปหน้าแรกของ metteya.org |