วัตถุประสงค์:    

หนังสือนี้ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ สร้างสถานการณ์ ปลุกระดมทำให้ตื่นตระหนกหลงผิด แต่โปรดใช้วิจารณญาณด้วยเหตุผล รู้ผิดชอบ มีที่มาที่ไป เตรียมแก้ปัญหาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เพื่อรอดจากวิกฤติและมหาวินาศของโลก

ทางอยู่รอด:  

พ.ศ. 2541 สมิทธ ธรรมสโรช เตือนคนไทยในช่วง 10 ปีให้ระวัง "สึนามิ" แต่กลับได้รับคำด่าแทน พ.ศ. 2547 เกือบสามแสนคนตายไปเพราะไม่สนใจ ไม่เตรียมตัว อวดดี ไม่รู้พิษ “สึนามิ” มาก่อน เราก็อาจเห็นมหันตภัยโลกในอีก 3 ปีที่แผ่นดินจะหาย น้ำจะท่วมใหญ่ชนิดจำไม่ได้ว่าบ้านตนอยู่ตรงไหน พลัดพรากจากครอบครัวเพื่อนฝูง ทรัพย์สมบัติที่สร้างสมกันมาถูกทำลาย หรือเราจะรอดจากวิกฤติเลวร้ายในปัจจุบันและมหันตภัยโลกที่คืบเข้ามา เกิดความสุขที่แท้จริงขึ้นแทน ถ้าเรามีสติละทิ้งความประมาทในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสพยากรณ์ซึ่งตรงกับคำทำนายโลกอื่นๆด้วย

ปัญหาขณะนี้:    

คนส่วนมากต้องผจญกับความเป็นอยู่ที่มีความยากลำบาก เสี่ยงกับภัยอันตรายรอบด้าน ความปลอดภัยไม่มี และเหตุสภาวะเศรษฐกิจและสังคมที่ตกต่ำ ทำให้คนส่วนมากมีความเห็นแก่ตนเพิ่มมากขึ้นจนลืมไปว่าเรามิใช้อยู่บนโลกนี้ตามลำพัง มนุษย์ทำบาปมากกว่าทำบุญ เอาเปรียบแม้แต่ธรรมชาติหรือ จนทำให้ธรรมชาติเองก็ตอบสนองมนุษย์ด้วยภัยพิบัตินานาชนิดเช่นที่กำลังเกิดขึ้นและจะรุนแรงยิ่งขึ้น

ข้อควรพิจารณา:

1. คนในสมัยก่อนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันช่วยกันอย่างบริสุทธิ์ใจ ในปัจจุบันคนมีน้ำใจหาได้ยากโดยเฉพาะคนเมืองหลวงใช้ชีวิตกับการอิงสังคม อยู่กันแบบ “ตัวกูของกู” โอนเอียงไปกับสื่อและกระแส มีความสุขโดยยึดเงินเป็นพระเจ้า หาชื่อเสียงเกียรติยศ มองแต่สิ่งใกล้ตน เห็นแก่ตนและครอบครัว ลืมคิดว่าชีวิตนั้นไม่จีรัง การทำลายส่วนรวม เช่น ทำลายป่าได้ที่ดินได้เงินมาเพื่อไม่กี่คน แต่ทำลายทั้งเศรษฐกิจชาติและสภาพแวดล้อมโลก เกิดเป็นภัยพิบัติกลืนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น บาปเกิดจากความเห็นแก่ตนแก้ไม่ได้ บาปที่มนุษย์สร้างใหญ่นักจะแก้ได้อย่างไรกัน ผู้ก่อบาปจะถูกลงโทษมากกว่าที่คาดคิด อย่าคิดว่าบาปไม่มีหรือจะหนีบาปด้วยการทำบุญได้ นึกไหมว่าทำบุญเป็นบาปมีถมไป                                                                                                                                                      
2. การถืออำนาจ ขาดความยุติธรรม แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น แบ่งแยกเอาเปรียบกัน ฆ่ากัน ข่มขืนกัน ขาดศีลธรรม หาทางร่ำรวยสร้างชื่อเสียงเกียรติยศจนลืมจริยธรรมอันดี ไม่เห็นคุณค่าของส่วนรวม เมื่อคนเราไม่เคารพซึ่งกันและกัน แล้วพรุ่งนี้จะอยู่กันได้อย่างไร นึกถึงชาวบ้านที่ยากไร้แต่ที่มีภูมิปัญญาดี เขาต้องใช้เวลา อาศัยประสบการณ์ลองผิดลองถูก มีบางคนเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาต่อยอด ดัดแปลงหาผลงานผลกำไรให้ตนโดยไม่ตอบแทนชาวบ้าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยเหลือชาวบ้านให้อยู่ดีกินดีโดยไม่หวังประโยชน์จากชาวบ้าน พ่อหลวงทรงมีพระเนตรยาวไกลเห็นว่า เมื่อประชาชนทั่วไปมีสุขประเทศชาติก็จะอยู่รอด เราเห็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านหรือยัง นี่แหละพ่ออันเป็นพลังหนึ่งของแผ่นดินที่แท้จริง

3. เรากำลังมองข้ามสิ่งดีมีค่าที่สามารถต่อยอดเห็นผลได้ในระยะสั้นๆ ตัวอย่างง่ายๆเช่น คนกินปูไข่ทำความพึงพอใจให้ตน แต่ถ้าเขาปล่อยให้ปูไข่กำเนิดลูกปูแล้ว เราจะได้ผลประโยชน์นับร้อยเท่าพันเท่า โชคดีที่มีคนเช่นลุงจาง ฟุ้งเฟื่อง ชาวบ้านน้ำเค็ม จ.ชุมพร อายุ 69 ปี ที่เห็นว่าชาวประมงจับปูม้าไปขายจนแทบไม่มีปูให้จับ จึงคิดทำธนาคารปูขึ้นจนสำเร็จ คือ “ทำที่พักพิงให้แก่แม่ปูม้าครรภ์แก่ รอให้วางไข่ก่อน จึงนำแม่ปูไปขาย แล้วปล่อยลูกปูสู่ทะเล” แต่ก่อนหน้าความสำเร็จนี้ ลุงจางต้องฝ่าฟันอุปสรรค์ แม้แต่เพื่อนฝูงบางคนเห็นว่าลุงจางโง่ เพราะถ้าความคิดนี้ดีทางราชการคงทำไปนานแล้ว ลุงจางทำไปทำไมเสียเวลาแทนที่จะเอาปูไข่ไปขายเอาเงินจะดีกว่า ถ้าท่านมีความตั้งใจ บริสุทธิ์ใจแล้วจะช่วยให้ทำสิ่งดีงามสำเร็จได้ในวันใดวันหนึ่งเช่นกัน

4. ผู้ที่ทำผลประโยชน์เพื่อส่วนรวมหาได้ไม่ง่าย บุคคลเหล่านี้เหมือนผู้ปิดทองหลังพระ มีความพอเพียงเป็นที่ตั้ง เป็นผู้ร่ำรวยทางจิตใจ มีความสุขใจอย่างแท้จริงถึงแม้เขาจะไม่มีเงินทองมากมาย คนส่วนมากคิดว่าความร่ำรวย มีชื่อเสียงจะเป็นหนทางการอยู่รอด นึกบ้างหรือไม่ว่าคนรวยไม่น้อยที่ฆ่าตัวตาย บ้างก็หาความสุขให้ตนจนครอบครัวเดือดร้อน บ้างก็ติดอยู่กับอบายมุขไม่สามารถหาความสุขที่แท้จริงให้ตนได้นั้นก็มีอยู่มากมาย 

5. มีภาพยนตร์หลายเรื่องเกี่ยวกับสงครามล้างโลก หรือมหาภัยที่ทำลายมนุษยโลก เขาสร้างไปตามพุทธทำนายหรือคำทำนายของศาสนาอื่นๆ ที่บอกไว้ หรือ อะไรทำให้เราอยากรู้อยากเห็นมนุษยโลกถูกทำลาย ผู้อ่านพุทธทำนายจะทราบถึงคนในสมัยนี้ว่าอยู่กันด้วยความเห็นแก่ตน แต่พุทธทำนายก็ชี้หนทางการอยู่รอดได้โดยจะมีพระโพธิสัตว์สองพระองค์ผู้บังเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน จะมาช่วยมนุษย์ให้เป็นคนดีมีศีลธรรม เกิดความสุขที่แท้จริงขึ้นตลอดไป แต่ถ้าคนเรายังยึดมั่นถือดีในความคิดตนไม่สนใจในสิ่งดีงามนี้ โลกามหาวินาศจะเกิดขึ้นแทนผู้คนล้มตายมากกว่าครั้งใดๆ   

คิดอีกครั้ง:    

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ เกิดมาก็ไม่มีอะไรติดตัว อยู่ได้ไม่นานนักก็ตายจะเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้อีกเช่นกันนอกจากความดีความเลว คนส่วนมากมองข้ามสิ่งสำคัญนี้ คิดเพียงเอาตัวเองรอด และเห็นว่าการทำดีมีแค่ศักดิ์ศรีแต่ทำชั่วได้ดีมีมากมาย
มีใครคิดบ้างว่าการอยู่รอดของคนเราด้วยความสุขใจ ไม่ใช่ความร่ำรวย แต่ความพอเพียงและการพึ่งพาอาศัยสามัคคีไม่เอารัดเอาเปรียบ เมื่อไม่ประมาทและช่วยกันจะเป็นพลังยิ่ง เหมือนแขนงไผ่ลำเดียวใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก แต่นำแขนงไผ่หลายอันมามัดรวมกันทำเป็นแพช่วยทั้งคน ม้าข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ
เศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงแนะเพื่อความอยู่รอดของชนทุกชั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเปิดศูนย์พันธุ์พืชเพื่อเกษตรไทยยั่งยืน ผู้มีที่ดินมีเงินทองควรช่วยให้ชาวไร่ชาวนาคนยากจนมีที่ทำมาหากิน หาวัตถุดิบในบริเวณนั้นมาใช้ประโยชน์ แม้แต่มูลหมูมูลคนก็ทำเป็นแก็สใช้ได้ รัฐบาลควรสร้างถนน ส่งน้ำเชื่อมต่อกัน ใช้พลังจากดวงอาทิตย์จากลมให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งรัฐจะได้สิ่งตอบแทนมูลค่ามหาศาลกลับคืนมา ชาวบ้านก็ต้องทำกันช่วยกันเป็นสหกรณ์ เมื่อได้ผลผลิตก็แบ่งคืนให้ผู้มีพระคุณที่ลงทุนให้การทำมาหากินเกิดขึ้นโดยถ้าแต่ละฝ่ายไม่โลภเห็นแต่ประโยชน์ตน ไม่ช้าความอยู่รอดก็จะแผ่ขยายไปทั่วแผ่นดิน
แต่ถ้าเรายังมีมารร้ายปิดบังดวงตาบริสุทธิ์ ยุแหย่ให้หลงไปในทางผิด คนชั่วมีมากขึ้นแล้ว มหันตภัยย่อมเกิดขึ้นล้างความสกปรกของมนุษยโลกแบบไม่ปราณี ถึงเวลาหรือยังที่เราต้องขจัดมารไปจากดวงจิต โปรดอย่าคิดแค่ “นี่นั่นของกู”  คิดบ้างว่าประเทศชาติให้เรามีที่อยู่ที่กิน เราจะตอบแทนอะไรแก่ประเทศชาติได้บ้าง
พระพุทธเจ้าทรงเป็นห่วงผู้คนในกึ่งพุทธกาลหรือเวลาปัจจุบัน จึงได้ตรัสพุทธทำนายชี้หนทางไว้เตือนสติผู้ไม่ประมาทเห็นประโยชน์ได้ด้วยตนเอง                                                                                                             

ไปที่ "สรรบัญ" ไปหน้าแรกของ metteya.org